เปิดในหน้าต่างใหม่
ข่าวประชาสัมพันธ์ 15 กรกฎาคม 2568

Apple เข้าชิง Emmy Award มากเป็นประวัติการณ์ถึง 81 รางวัลโดยมี Severance เป็นซีรีส์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากที่สุดในปีนี้ ในขณะที่ The Studio เป็นซีรีส์คอมเมดี้น้องใหม่ที่ได้เข้าชิงมากที่สุดในประวัติศาสตร์

Severance ซึ่งกลับมาสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกกับซีซั่น 2 ที่ได้เสียงตอบรับอย่างดีได้เข้าชิงถึง 27 รางวัล เช่น ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม และอีก 9 รางวัลในสาขาการแสดง

ซีรีส์คอมเมดี้หน้าใหม่อย่าง The Studio ได้เข้าชิงถึง 23 รางวัล รวมถึงซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์เป็น ซีรีส์ คอมเมดี้น้องใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อมากที่สุด และได้เข้าชิงในสาขาการแสดงมากที่สุดในปีนี้

Apple TV+ เป็นเพียงเน็ตเวิร์กเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมและซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมมากกว่าหนึ่งเรื่องโดยทั้ง The Studio, Severance, Slow Horses และ Shrinking ต่างได้เข้าชิงในสาขาสำคัญ รวมถึง The Gorge ซึ่งเป็นเรื่องแรกของ Apple ที่ได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์โทรทัศน์ยอดเยี่ยม

ปีนี้ Apple ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาการแสดงมากที่สุดในบรรดาเน็ตเวิร์กหรือสตูดิโอทั้งหมด รวม 31 รางวัล

Apple Originals ได้รับเกียรติเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 14 เรื่อง ได้แก่ Severance, The Studio, Slow Horses, Shrinking, Presumed Innocent, The Gorge, Bad Sisters, Dope Thief, Disclaimer, Pachinko, Your Friends & Neighbors, Dark Matter, Deaf President Now! และ Bono: Stories of Surrender
ภาพนิ่งจากซีรีส์ Apple TV+ เรื่อง "Severance" ที่มีนักแสดง Britt Lower และ Adam Scott
Severance ซีซั่น 2 ซึ่งได้รับเสียงตอบรับอย่างดี ได้เข้าชิง Emmy Award ถึง 27 รางวัล รวมถึงซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม และอีก 9 รางวัลในสาขาการแสดง
คัลเวอร์ซิตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย วันนี้ Apple TV+ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Emmy Awards ครั้งที่ 77 ประจำปีนี้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 81 รางวัลจากรายการ Apple Originals สุดฮิต 14 เรื่อง Severance กลายเป็นซีรีส์ที่ได้เข้าชิงมากที่สุดในปีนี้ถึง 27 รางวัล ในขณะที่ The Studio สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นซีรีส์คอมเมดี้น้องใหม่ที่ได้เข้าชิงมากที่สุดรวม 23 รางวัล และยังมีอีกหลายเรื่องที่ได้เข้าชิงในสาขาสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ดราม่าเรื่อง (Slow Horses) หรือซีรีส์คอมเมดี้เรื่อง (Shrinking) ทำให้ Apple TV+ กลายเป็นเน็ตเวิร์กเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขา ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมและซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยมมากกว่าหนึ่งเรื่อง นอกจากนี้ Apple ยังได้เข้าชิงสาขาการแสดงมากที่สุดในบรรดาเน็ตเวิร์กหรือสตูดิโอทั้งหมด รวม 31 รางวัล
"ทุกคนที่ Apple กำลังฉลองให้กับความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ และแรงกายแรงใจของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy ทุกคนเมื่อเช้านี้" Zack Van Amburg หัวหน้าฝ่าย Worldwide Video ของ Apple กล่าว "Severance และ The Studio สร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินความคาดหมายด้วยการเข้าชิงมากที่สุดทั้งในประเภทซีรีส์ดราม่าและคอมเมดี้ รวมถึงเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์อย่าง Shrinking และ Slow Horses รายการเหล่านี้ล้วนสร้างความตราตรึงใจในหมู่ผู้ชมทั่วโลก เราจึงอยากขอบคุณ Television Academy จากใจที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบอกเล่าเรื่องราวที่หลากหลาย และเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ช่วยถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ เราขอแสดงความความยินดีอย่างยิ่งกับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อทุกคน"
"การทำลายสถิติในปีนี้เป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับ Apple และเราภูมิใจจริงๆ ที่ซีรีส์ของเรา ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยม ยังคงเดินหน้าสร้างแรงกระเพื่อมในกระแสวัฒนธรรมทั่วโลกไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็น Severance, The Studio, Shrinking หรือ Slow Horses" Jamie Erlicht หัวหน้าฝ่าย Worldwide Video ของ Apple กล่าว "การได้รับการเสนอชื่อทั้งหมดนี้ถือเป็นการให้เกียรติต่อการเล่าเรื่องที่โดดเด่น การแสดงที่เหนือชั้น และความประณีตแห่งงานศิลป์ และเราขอขอบคุณ Television Academy จากใจจริงที่มองเห็นคุณค่าของบรรดานักสร้างสรรค์ที่มีวิสัยทัศน์เหล่านี้"
Severance ครองตำแหน่งซีรีส์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากที่สุดในปีนี้รวม 27 รางวัลในหลายสาขา เช่น ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม, Adam Scott ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, Britt Lower ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, Ben Stiller และ Jessica Lee Gagné ในสาขาการกำกับยอดเยี่ยม, Dan Erickson ในสาขาเขียนบทยอดเยี่ยม รวมถึง Zach Cherry, Tramell Tillman, John Turturro, Patricia Arquette, Jane Alexander, Gwendoline Christie และ Merritt Wever ในสาขาการแสดงยอดเยี่ยม รวมถึงอีกหลายสาขาในหมวดงานศิลป์
The Studio เป็นซีรีส์คอมเมดี้น้องใหม่ที่ได้เข้าชิงรางวัลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งนอกจากสาขาซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมแล้ว Seth Rogen ยังได้เข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม กำกับยอดเยี่ยม และเขียนบทยอดเยี่ยม ในขณะที่ Ike Barinholtz ได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ส่วน Kathryn Hahn และ Catherine O'Hara ได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 5 จาก 6 รางวัลในสาขานักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยม รวมถึง Martin Scorsese และ Ron Howard ซึ่งได้เข้าชิงในสาขาการแสดงเป็นครั้งแรก ร่วมกับ Bryan Cranston, Dave Franco และ Anthony Mackie ในขณะที่ Zoë Kravitz ได้เข้าชิงในสาขานักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยม
ภาพนิ่งจากซีรีส์ Apple TV+ เรื่อง "The Studio" ที่มีนักแสดง Seth Rogen
ซีรีส์คอมเมดี้น้องใหม่อย่าง The Studio ได้เข้าชิง Emmy Award มากถึง 23 รางวัล รวมถึงซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม
ซีรีส์ของ Apple ที่เป็นที่ชื่นชอบของหลายคนอย่าง Shrinking กลับมาในซีซั่น 2 และได้เข้าชิงสาขาซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยมซึ่งถือเป็นครั้งแรก ในขณะที่ Harrison Ford ก็ได้เข้าชิง Emmy Award เป็นครั้งแรกเช่นกันจากผลงานการแสดงที่ได้รับเสียงชื่นชมในซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากนี้ Jason Segel ยังได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประเภทคอมเมดี้ ในขณะที่ Michael Urie และ Jessica Williams ได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมและนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมตามลำดับ
อาร์ตเวิร์กหลักจากซีรีส์ Apple TV+ เรื่อง "Shrinking"
Shrinking ได้เข้าชิง Emmy Award ครั้งแรกในสาขาซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม
หลังจากที่ได้รางวัล Emmy Award สาขาเขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่าเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ Slow Horses ได้เข้าชิงสาขาซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม ในขณะที่ Sir Gary Oldman ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, Adam Randall ในสาขาการกำกับยอดเยี่ยม และ Will Smith ในสาขาคัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยม และเขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า
ภาพนิ่งจากซีรีส์ Apple TV+ เรื่อง "Slow Horses" ที่มีนักแสดง Jack Lowden และ Gary Oldman
Slow Horses ได้เข้าชิง Emmy Award รวม 5 รางวัล เช่น ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากผลงานการแสดงของ Sir Gary Oldman
Apple Original Films เรื่อง The Gorge ได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์โทรทัศน์ยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับ Apple TV+ ในขณะที่สารคดี Apple Original เรื่อง Deaf President Now! และ Bono: Stories of Surrender ก็ได้รับการเสนอชื่อเช่นกัน
ดาราจากซีรีส์ทาง Apple TV+ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสาขาการแสดงรวมกันมากที่สุดถึง 31 รางวัล ไม่ว่าจะเป็นสาขานักแสดงยอดเยี่ยม 10 รางวัลสำหรับการแสดงที่ยอดเยี่ยมในเรื่อง The Studio, 9 รางวัลในสาขานักแสดงและนักแสดงรับเชิญจากเรื่อง Severance และอีก 4 รางวัลในสาขาการแสดง ทั้งจากเรื่อง Shrinking และ Presumed Innocent นอกจากนี้ Brian Tyree Henry จากเรื่อง Dope Thief ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน ในขณะที่ Sir Gary Oldman ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่าเป็นครั้งที่สองจากเรื่อง Slow Horses และ Sharon Horgan ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่าเป็นครั้งที่สองเช่นกันจากเรื่อง Bad Sisters ซึ่งชนะรางวัล BAFTA Award
การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลต่างๆ ที่กล่าวมาได้รับการประกาศโดย Television Academy ในวันนี้ และจะมีการประกาศผู้ชนะที่งาน Creative Arts ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 และ 7 กันยายน และงาน Primetime Emmy Awards ในวันที่ 14 กันยายน 2025
จนถึงวันนี้ภาพยนตร์ สารคดี และซีรีส์จาก Apple Original คว้ารางวัลมาแล้วถึง 580 รางวัล และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 2,761 รางวัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึง Ted Lasso คอมเมดี้ที่ชนะ Emmy Award หลายรางวัล และ CODA ที่ชนะรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
Apple ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Emmy Award รวมแล้วถึง 81 รางวัล ซึ่งได้แก่
Severance (27 รางวัล)
  • ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Adam Scott
  • ดารานำแสดงหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Britt Lower
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Zach Cherry
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Tramell Tillman
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: John Turturro
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Patricia Arquette
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Jane Alexander
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Gwendoline Christie
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Merritt Wever
  • กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า: Jessica Lee Gagné
  • กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า: Ben Stiller
  • เขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า: Dan Erickson
  • ออกแบบการผลิตยอดเยี่ยมสำหรับรายการเชิงเล่าเรื่องร่วมสมัย (หนึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้น)
  • ประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ (ดนตรีประกอบแนวดราม่า)
  • คัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า
  • ออกแบบท่าเต้นยอดเยี่ยมสำหรับรายการที่มีสคริปต์
  • กำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ (หนึ่งชั่วโมง)
  • ลำดับภาพยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า (x3)
  • ออกแบบฉากเปิดเรื่องยอดเยี่ยม
  • ควบคุมดนตรียอดเยี่ยม
  • ลำดับเสียงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้หรือดราม่า (หนึ่งชั่วโมง)
  • ผสมเสียงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้หรือดราม่า (หนึ่งชั่วโมง)
  • เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมยอดเยี่ยมในหนึ่งตอน
  • แสดงยอดเยี่ยมประเภทสตันท์
The Studio (23 รางวัล)
  • ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Seth Rogen
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Ike Barinholtz
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Kathryn Hahn
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Catherine O'Hara
  • นักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Bryan Cranston
  • นักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Dave Franco
  • นักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Ron Howard
  • นักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Anthony Mackie
  • นักแสดงรับเชิญชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Martin Scorsese
  • นักแสดงรับเชิญหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Zoë Kravitz
  • กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้: Seth Rogen, Evan Goldberg
  • เขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้: Seth Rogen, Evan Goldberg, Peter Heck, Alex Gregory, Frida Perez
  • ออกแบบการผลิตยอดเยี่ยมสำหรับรายการเชิงเล่าเรื่อง (ครึ่งชั่วโมง)
  • คัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้
  • กำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ (ครึ่งชั่วโมง)
  • เครื่องแต่งกายร่วมสมัยยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์
  • ลำดับภาพยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้ที่ใช้กล้องตัวเดียว
  • ออกแบบทรงผมร่วมสมัยยอดเยี่ยม 
  • ประพันธ์ดนตรียอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ (ดนตรีประกอบแนวดราม่า)
  • ควบคุมดนตรียอดเยี่ยม
  • ลำดับเสียงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้หรือดราม่า (ครึ่งชั่วโมง)
  • ผสมเสียงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้หรือดราม่า (ครึ่งชั่วโมง) และแอนิเมชั่น
Shrinking (7 รางวัล)
  • ซีรีส์คอมเมดี้ยอดเยี่ยม
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Jason Segel
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Harrison Ford
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Michael Urie
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์คอมเมดี้: Jessica Williams
  • คัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้
  • ผสมเสียงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์คอมเมดี้หรือดราม่า (ครึ่งชั่วโมง) และแอนิเมชั่น
Slow Horses (5 รางวัล)
  • ซีรีส์ดราม่ายอดเยี่ยม
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Gary Oldman
  • เขียนบทยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า: Will Smith
  • กำกับยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า: Adam Randall
  • คัดเลือกนักแสดงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ดราม่า
Presumed Innocent (4 รางวัล)
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน: Taron Egerton
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน: Bill Camp
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน: Peter Sarsgaard
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน: Ruth Negga
Disclaimer (2 รางวัล)
  • นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน: Cate Blanchett
  • กำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน
Bad Sisters (1 รางวัล)
  • นักแสดงนำแสดงหญิงยอดเยี่ยมในซีรีส์ดราม่า: Sharon Horgan
Dope Thief (1 รางวัล)
  • นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอน: Brian Tyree Henry
The Gorge (2 รางวัล)
  • ภาพยนตร์โทรทัศน์ยอดเยี่ยม
  • ลำดับเสียงยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์หรือภาพยนตร์ประเภทลิมิเต็ดหรือจบในตอนหรือรายการพิเศษ
Deaf President Now! (2 รางวัล)
  • สารคดีหรือสารคดีพิเศษยอดเยี่ยม
  • กำกับยอดเยี่ยมสำหรับรายการประเภทสารคดี/ไม่ใช่เรื่องแต่ง: Nyle DiMarco, Davis Guggenheim
Pachinko (2 รางวัล)
  • ออกแบบการผลิตยอดเยี่ยมสำหรับรายการแนวย้อนยุคหรือแฟนตาซี (หนึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้น)
  • กำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับซีรีส์ (หนึ่งชั่วโมง)
Your Friends & Neighbors (1 รางวัล)
  • เพลงหลักประกอบฉากเปิดเรื่องยอดเยี่ยม
Bono: Stories of Surrender (1 รางวัล)
  • กำกับเทคนิคและงานกล้องยอดเยี่ยมสำหรับรายการพิเศษ
Dark Matter (1 รางวัล)
  • ออกแบบฉากเปิดเรื่องยอดเยี่ยม
โฆษณาที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงโฆษณายอดเยี่ยม (2 รางวัล)
  • "Heartstrings" — Apple AirPods Pro
  • "Flock" — Apple Privacy
Severance
ในเรื่อง Severance นั้น Mark Scout (Adam Scott) เป็นหัวหน้าทีมที่ Lumon Industries ซึ่งพนักงานต้องเข้ารับการผ่าตัดแยกสมองที่จะแบ่งความทรงจำออกจากกันระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว และการทดลองสุดท้าทายในเรื่อง "ความสมดุลของระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว" ก็สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับ Mark ที่พบว่าตนเองเป็นศูนย์กลางแห่งปริศนาที่กำลังจะคลี่คลายและทำให้เขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงเกี่ยวกับงานและชีวิตของตนเอง โดยในซีซั่น 2 นั้น Mark และเพื่อนต้องเรียนรู้ผลพวงอันเจ็บปวดของการล้อเล่นกับเส้นแบ่งของการแยกโลก ซึ่งนำพาพวกเขาดำดิ่งไปสู่ความทุกข์ระทม
The Studio
ในเรื่อง The Studio นั้น Seth Rogen รับบทเป็น Matt Remick หัวหน้า Continental Studios ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งสดๆ ร้อนๆ และในขณะที่หนังหลายเรื่องดูท่าจะตกยุคและไปไม่รอด Matt และทีมผู้บริหารหัวกะทิที่กัดกันไม่หยุดก็ต้องรับมือกับความสั่นคลอนในชีวิตของตัวเองและสู้รบปรบมือกับบรรดาศิลปินอีโก้สูงรวมถึงเจ้าของสตูดิโอใจเสาะเพื่อพยายามสร้างภาพยนตร์ดีๆ แม้จะดูไม่ใกล้เคียงความจริงเลยก็ตาม สิ่งเดียวที่ช่วยอำพรางความตื่นตกใจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนคือชุดสูทเนี้ยบๆ ที่พวกเขาใส่ เพราะทุกงานปาร์ตี้ การเยี่ยมกองถ่าย การตัดสินใจเลือกนักแสดง การประชุมกับฝ่ายการตลาด และงานประกาศรางวัลล้วนเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้ประสบความสำเร็จสุดปัง หรือบอกลาวงการไปแบบพังพินาศ และสำหรับ Matt ซึ่งเป็นคนที่กิน นอน และหายใจออกมาเป็นหนังแล้ว ตำแหน่งนี้คือสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาทั้งชีวิต แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำลายชีวิตเขาด้วยเช่นกัน
Shrinking
Shrinking เป็นเรื่องราวของนักจิตบำบัดที่ต้องรับมือกับความเศร้าจากการสูญเสียคนรักและเริ่มแหกกฎโดยการพูดตรงแบบโหดๆ กับทุกคนที่ได้เจอ แต่การไม่ใส่ใจในสิ่งที่เรียนมาและจรรยาบรรณ กลับทำให้เขาพบว่าตัวเองได้สร้างความเปลี่ยนแปลงและความสับสนอลหม่านให้กับชีวิตของคนอื่น รวมถึงชีวิตของตัวเองด้วย
Slow Horses
ดราม่าสายลับตลกร้ายเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอังกฤษที่ต้องมาทำงานในแผนกที่ตั้งมาไว้รับเจ้าหน้าที่ MI5 ที่ถูกโละทิ้งเพราะทำผิดพลาดชนิดที่ไม่ควรเป็นสายลับอีก นำทีมโดยหัวหน้าที่ฉลาดเป็นกรดแต่อารมณ์ร้ายจนไม่มีใครอยากยุ่งด้วยอย่าง Jackson Lamb (Sir Gary Oldman ผู้ได้รับรางวัล Academy Award) พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตในโลกแห่งการจารกรรมที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเพื่อปกป้องอังกฤษจากภัยคุกคาม
Presumed Innocent
Presumed Innocent เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ 8 ตอนที่นำแสดงและอำนวยการสร้างโดย Jake Gyllenhaal ร่วมด้วย David E. Kelley และผู้อำนวยการสร้าง J.J. Abrams ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีของ New York Times ในชื่อเดียวกันที่แต่งโดย Scott Turow ซีรีส์เรื่องนี้จะพาผู้ชมลุ้นระทึกไปกับคดีฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยมที่ทำให้สำนักงานอัยการประจำเมืองชิคาโกต้องสั่นคลอนเมื่อรองอัยการรัฐ Rusty Sabich ซึ่งรับบทโดย Gyllenhaal ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเอง และเมื่อถูกกล่าวหา เขาจึงต้องลุกขึ้นสู้เพื่อกอบกู้ครอบครัวและชีวิตแต่งงานในซีรีส์ระทึกขวัญที่พูดถึงเรื่องราวความลุ่มหลง เซ็กซ์ การเมือง รวมถึงพลังอำนาจและขีดจำกัดของความรัก ร่วมด้วยดาราอีกคับคั่งไม่ว่าจะเป็น Ruth Negga, Bill Camp, Elizabeth Marvel, Peter Sarsgaard, O-T Fagbenle และ Renate Reinsve
Disclaimer
Disclaimer เป็นซีรีส์จิตวิทยาระทึกขวัญความยาว 7 ตอน​ นำแสดงโดยนักแสดงที่ได้รับรางวัล Academy Award อย่าง Cate Blanchett และ Kevin Kline ทั้งยังมี Alfonso Cuarón ผู้ได้รับรางวัล Academy Award ถึง 5 รางวัลเป็นผู้เขียนบทและกำกับ ซีรีส์เรื่อง "Disclaimer" ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันที่แต่งโดย Renée Knight ซึ่งเล่าเรื่องราวของนักข่าวชื่อดัง Catherine Ravenscroft (นำแสดงโดย Blanchett) ที่สร้างชื่อจากการเปิดโปงข่าวฉาวและการกระทำผิดของคนอื่น แต่เมื่อเธอได้รับนวนิยายจากนักเขียนโนเนมคนหนึ่ง เธอก็ต้องตกใจเมื่อได้รู้ว่าตอนนี้เธอกลายเป็นตัวละครหลักในนิยายที่เปิดโปงความลับอันดับมืดของเธอไปเสียแล้ว Catherine จึงเร่งสืบหาตัวตนที่แท้จริงของนักเขียน และต้องจำใจเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองก่อนที่มันจะทำลายชีวิตและความสัมพันธ์ของเธอกับสามี Robert (นำแสดงโดย Sacha Baron Cohen) และลูกชาย Nicholas (นำแสดงโดย Kodi Smit-McPhee) ร่วมด้วยนักแสดงอีกคับคั่งไม่ว่าจะเป็น Lesley Manville, Louis Partridge, Leila George และ Hoyeon และมี Indira Varma เป็นผู้บรรยาย
Bad Sisters
Bad Sisters กลับมาในซีซั่น 2 เพื่อตามติดชีวิตของห้าพี่น้องสาวตระกูล Garvey ที่มี Sharon Horgan รับบทเป็น Eva, Anne-Marie Duff เป็น Grace, Eva Birthistle เป็น Ursula, Sarah Greene เป็น Bibi และ Eve Hewson เป็น Becka เรื่องราวผ่านไปสองปีหลัง "การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ" ของสามีตัวแสบของ Grace ห้าพี่น้องสาวตระกูล Garvey ที่สนิทกันมากก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันต่อ แต่แล้วเมื่อความจริงในอดีตฟื้นขึ้นมาหลอกหลอน สปอตไลต์ก็ฉายกลับมาที่ห้าสาวอีกครั้ง พร้อมบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความระแวงสงสัย เรื่องราวโกหก ความลับที่ถูกเปิดโปง และทั้งห้าสาวก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันเพื่อหาว่าจะเชื่อใจใครได้บ้าง
Dope Thief
ซีรีส์ Dope Thief ดัดแปลงจากหนังสือของ Dennis Tafoya ซึ่งเล่าเรื่องราวของสองเพื่อนรักหัวขโมยในเมืองฟิลาเดลเฟียที่สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. เพื่อปล้นบ้านโทรมๆหลังหนึ่งในชทบท แต่จากงานปล้นเล็กๆ กลับกลายเป็นต้องเข้าไปพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน เมื่อทั้งสองเริ่มขุดคุ้ยและเปิดโปงเส้นทางขนส่งยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดเส้นหนึ่งในอีสเทิร์นซีบอร์ดโดยไม่ได้ตั้งใจ
The Gorge
เจ้าหน้าที่สายลับฝีมือเยี่ยมสองคน (รับบทโดย Miles Teller และ Anya Taylor-Joy) ได้รับมอบหมายให้ไปเฝ้าหอประจำการณ์สองฟากฝั่งของโกรกธารปริศนาเพื่อปกป้องโลกจากภัยร้ายลึกลับจากเบื้องลึกที่แอบซ่อนอยู่โดยไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้นแม้จะอยู่ห่างกันคนละฟาก อีกทั้งยังต้องคอยระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาเพื่อรับมือกับศัตรูที่มองไม่เห็น และเมื่อภัยอันตรายระดับหายนะที่คุกคามมนุษยชาติเผยตัว ทั้งสองจึงต้องร่วมมือกันและผ่านด่านทดสอบทั้งกายและใจเพื่อป้องกันไม่ให้ความลับหลุดรอดออกไปจากโกรกธารแห่งนี้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
Pachinko
เรื่องราวมหากาพย์และความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เริ่มต้นจากความรักต้องห้ามก่อนจะค่อยๆ ทวีความเข้มข้นจนกลายเป็นตำนานการเดินทางที่กินพื้นที่ตั้งแต่เกาหลี ญี่ปุ่น ไปจนถึงอเมริกาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือนของสงครามและสันติภาพ ความรักและความสูญเสีย ชัยชนะและความจริงอันเจ็บปวด
Your Friends & Neighbors
หลังถูกไล่ออกจากกรณีอื้อฉาว ผู้จัดการกองทุนที่เพิ่งหย่าและยังทำใจไม่ค่อยได้ต้องหันเหชีวิตมาออกปล้นเพื่อนบ้านในย่านเศรษฐีอย่าง Westmont Village แต่ไม่นานก็ค้นพบว่าความลับและเรื่องชู้สาวที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังความร่ำรวยในฉากหน้านั้นอาจอันตรายกว่าที่คิด
Deaf President Now!
เรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองครั้งยิ่งใหญ่ที่ผู้คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยรับรู้มาก่อน Deaf President Now! เล่าเรื่องราวการประท้วงครั้งประวัติศาสตร์ที่กินเวลานานถึง 8 วันที่ Gallaudet University ในปี 1988 หลังจากคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยแต่งตั้งประธานที่ไม่มีปัญหาด้านการได้ยินโดยไม่พิจารณาผู้ลงสมัครหูหนวกอีกหลายคนที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติอย่างชัดเจน หลังจากการเดินขบวน บอยคอต และประท้วงนานนับสัปดาห์ นักศึกษา Gallaudet University ก็ได้รับชัยชนะเมื่อประธานที่ไม่มีปัญหาด้านการได้ยินลาออกจากตำแหน่ง และคณบดี Dr. I. King Jordan ซึ่งเป็นที่รักของทุกคนขึ้นรับตำแหน่งประธานหูหนวกคนแรกของมหาวิทยาลัย การประท้วงดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในประวัติศาสตร์สิทธิพลเมือง ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมออกไปถึงนอกรั้วมหาวิทยาลัย Gallaudet และกรุยทางให้กับกฎหมาย Americans with Disabilities Act (ADA) นอกจากนี้ในเรื่อง Deaf President Now! ยังมีบทสัมภาษณ์พิเศษจากบุคคลผู้มีส่วนสำคัญในการเคลื่อนไหว 5 ท่าน ไม่ว่าจะเป็น DPN4 ซึ่งได้แก่ Jerry Covell, Bridgetta Bourne-Firl, Tim Rarus และ Greg Hlibok รวมถึง I. King Jordan โดยมีการใช้ทั้งภาพเสียงที่เป็นของเก่าจริงๆ และส่วนที่ถ่ายทำขึ้นใหม่ อีกทั้งยังมีการใช้แนวทางการเล่าเรื่องเชิงทดลองในมุมมองของคนหูหนวกที่เรียกว่า Deaf Point of View ซึ่งใช้การถ่ายภาพแนวอิมเพรสชันนิสม์ร่วมกับการออกแบบเสียงที่ละเอียดประณีตเพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ราวกับเป็นคนหูหนวก
Bono: Stories of Surrender
Bono: Stories of Surrender นำการแสดงบนเวทีแบบวันแมนโชว์ของ Bono ในชื่อ Stories of Surrender: An Evening of Words, Music and Some Mischief… ซึ่งได้รับคำยกย่องชื่นชมจากนักวิจารณ์ มาจินตนาการขึ้นใหม่โดยที่ Bono จะมาเปิดใจเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิต ครอบครัว ผองเพื่อน และศรัทธาที่ทั้งท้าทายและหล่อเลี้ยงตัวเขา อีกทั้งยังเผยชีวิตส่วนตัวกับการเดินทางในฐานะลูกชาย พ่อ สามี นักกิจกรรม และร็อคสตาร์ พร้อมด้วยฟุตเทจพิเศษที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนจากทัวร์คอนเสิร์ตของ Bono ซึ่งมีเพลงดังสร้างชื่อของ U2 มากมายที่หล่อหลอมชีวิตเขาจนกลายเป็นตำนาน
Dark Matter
Dark Matter ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนวนิยายไซไฟที่ดีที่สุดแห่งทศวรรษ เป็นเรื่องราวของเส้นทางที่ไม่ได้เลือกเดิน Jason Dessen (รับบทโดย Joel Edgerton) เป็นนักฟิสิกส์ อาจารย์ และหัวหน้าครอบครัวที่อยู่มาคืนหนึ่งถูกลักพาตัวขณะเดินกลับบ้านในชิคาโก และพาไปปล่อยในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งของชีวิตตัวเอง ความพิศวงงงงวยในช่วงแรกกลับกลายเป็นฝันร้ายในเวลาไม่นาน เมื่อเขาพยายามกลับไปสู่ชีวิตที่เป็นของเขาจริงๆ ท่ามกลางภาวะอันสลับซับซ้อนของเส้นทางชีวิตที่อาจเป็นไปได้แต่ไม่ได้เป็น ในเขาวงกตแห่งความเป็นจริงนี้ Jason ต้องฝ่าฟันความเจ็บปวดเพื่อกลับไปหาครอบครัวจริงของเขาและช่วยให้ครอบครัวรอดพ้นจากศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวและเอาชนะยากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา นั่นคือตัวเขาเอง
รายการทั้งหมดสามารถรับชมได้ผ่าน Apple TV+ ในขณะนี้
Apple TV+ มีซีรีส์ดราม่าและคอมเมดี้ระดับพรีเมียมที่น่าสนใจ รวมถึงภาพยนตร์เรื่องยาว สารคดีสุดล้ำ ตลอดจนความบันเทิงสำหรับเด็กและครอบครัว ซึ่งพร้อมให้รับชมได้ทันทีผ่านหน้าจอที่คุณชื่นชอบ หลังจากเปิดตัวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019 บริการ Apple TV+ ได้กลายเป็นบริการสตรีมมิ่งรายแรกที่เปิดตัวทั่วโลกด้วยคอนเทนต์ Original ทั้งหมด ตลอดจนมีการฉายคอนเทนต์ Original รอบปฐมทัศน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงและได้รับรางวัลมากมายเร็วกว่าบริการสตรีมมิ่งรายอื่นๆ ในช่วงที่เปิดให้บริการครั้งแรก
แชร์บทความ

Media

  • เนื้อหาของบทความนี้

  • รูปภาพในบทความนี้

  1. ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ apple.com/tvpr และดูรายการ อุปกรณ์ที่รองรับทั้งหมด

สื่อมวลชน

ช่องทางให้ความช่วยเหลือของ Apple สำหรับสื่อมวลชน

[email protected]