การให้การสนับสนุนของ Apple ต่อชุมชนการวิจัยทางการแพทย์เริ่มต้นด้วยการแนะนำ ResearchKit และ CareKit ซึ่งได้ยกระดับความเร็วและระดับการศึกษาและให้บริการการดูแลสุขภาพ Apple ใช้ ResearchKit ในการสร้างงานวิจัยด้านหัวใจของ Apple ซึ่งเป็นงานวิจัยชิ้นใหญ่ที่สุดในประเภทนี้ และได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่งานวิจัยขนาดใหญ่แบบเสมือนสามารถมีต่อการวิจัยค้นคว้าทางการแพทย์ ด้วยการศึกษาภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วเพื่อเป็นการตรวจสอบสำหรับคุณสมบัติการแจ้งจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่สม่ำเสมอบน Apple Watch
"ผู้หญิงคิดเป็นจำนวนประชากรครึ่งหนึ่งของโลก แต่ในปัจจุบันการลงทุนเพื่อศึกษาวิจัยความต้องการด้านสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะกลับมีจำกัด" Michelle A. Williams นักระบาดวิทยาด้านการสืบพันธุ์ และคณบดีที่ Harvard T.H. Chan School "งานวิจัยที่ไม่มีใครเทียบได้ในแง่ของขอบเขตนี้จะช่วยสร้างความก้าวหน้าในด้านความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยทางชีววิทยาและสังคมของสุขภาพของผู้หญิง อันจะนำไปสู่ผลทางสุขภาพที่ดีขึ้น"
"นี่เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักวิจัย NIEHS ในการมีส่วนร่วมกับการออกแบบงานวิจัยและใช้ข้อมูลที่ได้ในการตอบคำถามใหม่ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่สำคัญต่อผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้หญิงทุกวัยด้วย" Dale Sandler, Ph.D. หัวหน้าสาขาวิชานรีเวชวิทยากล่าว
"เราตื่นเต้นที่จะได้ทำงานร่วมกับ Apple และผู้เข้าร่วมการวิจัยทั้งหมด เพื่อที่เราจะได้ระบุคุณสมบัติของสรีรวิทยาที่ซับซ้อนของมนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่ผลที่ต่างกันในด้านสุขภาพหรือโรคเรื้อรัง และจะได้ใช้ข้อมูลนี้ในการเสริมศักยภาพการดูแลสุขภาพของตนเองแก่บุคคลทั่วไป" Calum MacRae รองประธานฝ่าย Scientific Innovation คณะแพทยศาสตร์ของ Brigham and Women’s Hospital และรองศาสตราจารย์คณะแพทยศาสตร์ Harvard Medical School กล่าว
"ที่ American Heart Association เราไม่หยุดพัฒนาเพื่อโลกที่ผู้คนจะมีชีวิตยืนยาวและสุขภาพดีขึ้น และเรามุ่งมั่นที่จะให้ความรู้และเสริมศักยภาพให้คนทั่วไปใส่ใจทุกด้านของสุขภาพหัวใจและความเป็นอยู่ที่ดีโดยทั่วไปของตน" Nancy Brown CEO ของ American Heart Association กล่าว "เราเชื่อว่าโซลูชันเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นที่พยายามให้ข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพจะช่วยเสริมศักยภาพให้เราไปถึงจุดนั้นได้ เราทำงานร่วมกับ Apple และ Brigham and Women’s Hospital ในการวิจัยด้านหัวใจและการเคลื่อนไหวของ Apple เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทางร่างกายจำนวนมากกับสุขภาพหัวใจโดยรวมของบุคคล เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและปัจจัยแทรกแซงเพื่อการปรับปรุงสุขภาพ"
"เราตื่นเต้นกับโอกาสพิเศษที่ได้ร่วมมือกับ Apple เพื่อศึกษาว่ากิจกรรมในชีวิตประจำวันมีผลต่อการได้ยินของเราอย่างไร" DuBois Bowman คณบดี University of Michigan School of Public Health กล่าว "ข้อมูลที่รวบรวมมาจากความร่วมมือนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในการแสดงให้เห็นผลกระทบด้านสาธารณสุขของการเปิดรับเสียงในรูปแบบต่างๆ ที่มีต่อการสูญเสียการได้ยินในสหรัฐอเมริกา”
“องค์การอนามัยโลก ยินดีที่ได้รู้ว่าการศึกษา Apple Hearing Study จะช่วยให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวพฤติก รรมการฟัง และรูปแบบการฟังของผู้ใช้มากขึ้น” Dr. Shelly Chadha เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคของ Prevention of Deafness and Hearing Loss ขององค์การอนามัยโลกกล่าว “WHO เชื่อว่าวัยรุ่นกว่าพันล้านคนมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินเนื่องจากการฟังที่ไม่ปลอดภัย” WHO จึงต้องการรณรงค์ให้เกิดการรับรู้และสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการฟังที่ปลอดภัย และจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้วางแผนการส่งเสริมสุขภาพด้านนี้ในอนาคต”