iPadOS ใหม่ขับเคลื่อนประสบการณ์สุดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อ iPad
หน้าจอโฮมใหม่ มัลติทาสก์ทรงพลัง วิธีใช้งาน Apple Pencil ใหม่ๆ และอีกมาก
หน้าจอโฮมใหม่
ทำได้มากขึ้นกับ Split View (มุมมองแยก) และ Slide Over (เลื่อนเข้าออก)
วิธีใช้งาน Apple Pencil ที่หลากหลายขึ้น
แอพ Files ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
ท่องเว็บราวกับใช้เดสก์ท็อปกับ Safari
ปรับปรุงการแก้ไขข้อความ
คุณลักษณะเพิ่มเติมของ iPadOS
- Dark Mode (โหมดมืด) เปลี่ยนสีพื้นทั่วทั้งระบบเป็นสีดำมืด เพื่อถนอมสายตาในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย
- ติดตั้ง Custom Font (แบบอักษรที่ทำขึ้นเอง) ไว้ใช้งานทั่วทั้งระบบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างเอกสารที่สวยงามบน iPad แบบอักษรจากผู้ค้ารายเล็กและรายใหญ่เช่น Adobe, DynaComware, Monotype, Morisawa และ Founder จะวางจำหน่ายใน App Store
- คีย์บอร์ดลอยแบบใหม่ประหยัดพื้นที่และรองรับ QuickPath ที่ทำให้การพิมพ์ด้วยมือเดียวง่ายขึ้นและเหลือพื้นที่ไว้แสดงแอพมากขึ้น ลูกค้าสามารถหยิกนิ้วเพื่อเปิดใช้งานคีย์บอร์ดลอยและลากไปที่ใดก็ได้บนหน้าจอ
- Photos จัดระเบียบคลังรูปภาพโดยคัดสรรรูปภาพที่ดีที่สุด ซ่อนความไม่เป็นระเบียบและรูปภาพที่คล้ายกันโดยอัตโนมัติเพื่อแสดงเหตุการณ์สำคัญจากวัน เดือน หรือปีที่ผ่านมา การตัดแต่งภาพใช้งานง่ายยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือใหม่ที่นำไปใช้ ปรับแต่ง และตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และความสามารถการตัดแต่งภาพเกือบทั้งหมดก็มีให้ใช้งานสำหรับการตัดต่อวิดีโอเช่นกัน
- Sign In with Apple (ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple) เป็นวิธีลงชื่อเข้าใช้แอพและเว็บไซต์ด้วย Apple ID ที่รวดเร็ว ง่ายดาย และเป็นส่วนตัว
- Maps มีแผนที่ฐานใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากศูนย์ Look Around (มองไปรอบๆ) เมืองด้วยภาพถ่ายระดับถนนที่สวยงามโดยใช้การถ่ายภาพ 3 มิติความละเอียดสูง Collections (สถานที่ที่เก็บสะสมไว้) สำหรับวิธีการใหม่ๆ ในการแชร์ร้านอาหาร ร้านค้า หรือจุดหมายปลายทาง และ Favorites (สถานที่โปรด) สำหรับการนำทางไปยังสถานที่ไปบ่อยอย่างรวดเร็ว1
- การปรับปรุงสมรรถนะต่างๆ ทำให้ทั้งระบบตอบสนองเร็วขึ้น เช่นการปลดล็อคแบบ Face ID เร็วขึ้น และวิธีใหม่ในการทำแพคเกจแอพ iPad บน App Store ซึ่งช่วยลดขนาดของไฟล์ดาวน์โหลดลงสูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไฟล์อัพเดทแอพมีขนาดเล็กลงสูงสุดถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และส่งผลให้เปิดแอพได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า

รูปภาพของ iPadOS
- 1 แผนที่ใหม่มีให้ใช้งานแล้วในบางเมืองและบางรัฐ และจะทยอยปล่อยให้ใช้งานทั่วสหรัฐอเมริกาภายในสิ้นปี 2019 และในหลายประเทศในปี 2020